Open Government Summit 2016 (2)


Blog ที่แล้วเล่าเรื่องความเป็นมาของ Open Government Partnership และความเกี่ยวข้องกับประเทศไทยไป อ่านได้ที่ http://socialtech.or.th/post/open-government-summit-2016-1

ในการประชุม Open Government Summit หรือ #OGP16 ในครั้งนี้ มีหัวข้อที่น่าสนใจคือเรื่อง Civic Tech หรือเรียกการใช้เทคโนโลยีเพื่อการมีส่วนร่วมของพลเมืองก็ได้ มีหลายกิจกรรมเกิดขึ้นใน OGP16 ทั้งการเสวนา workshop และ Hackathon หัวข้อที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่ฟังมาเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) คือหัวข้อ Fork and Merge จากเพื่อนชาวไต้หวันจากองค์กรที่ชื่อว่า g0v (อ่านว่า Gov Zero) กับผู้ร่วมเสวนาจาก แอฟริกาใต้ เยอรมัน และเม็กซิโก

Fork and Merge คือการนำเสนอประสบการณ์จากการสร้างชุมชนเทคโนโลยีภาคพลเมือง (Civic Tech) จากทั้ง 4 ประเทศข้างต้น

กรณีศึกษาของไต้หวัน

ที่ไต้หวัน g0v เป็นองค์กรที่เป็นลักษณะเครือข่าย มีการจัด Hackathon หลัก ๆ ทุก 2 เดือน มีคนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2300 คน โดยมีทั้ง โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบ ภาคประชาสังคม และนักวิชาชีพต่าง ๆ โดยเริ่มทำกิจกรรม มาตั้งแต่ปี 2012 เน้นเรื่องการพัฒนา Open Source Software เพื่อขยายการมีส่วนร่วมของพลเมืองผ่านช่องทางดิจิทัล มีการทำ visulization งบประมาณของรัฐบาลไต้หวันมาตั้งแต่ปี 2012 นำไปสู่ระบบ Open Budget ของเทศบาลนครไทเป เพื่อแสดงการจัดสรรงบประมาณของเมือง และ ให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นต่อการใช้งบประมาณได้



ที่ไต้หวันมีการใช้ดิจิทัลในการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งไม่ง่าย มีการพัฒนา crowd sourcing platform ที่เรียกว่า VTaiwan มีทั้งเรื่องการทำ poll ความเห็นของประชาชน การรายงานเรื่องต่าง ๆ จากประชาชน การติดตามโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ฯลฯ มีการใช้เครื่องมือนี้เพื่ออภิปรายความเห็นในประเด็นต่างๆ เช่น เรื่องการเข้ามาของ Uber



กรณีศึกษาของเม็กซิโก

เม็กซิโก มีกลุ่มกิจกรรม Civic Tech ที่ชื่อว่า Civica Digital ทีนนี้พัฒนา OpenData Portal ของเม็กซิโกซิตี้ชื่อ datos.labcd.mx มีการทำเครื่องมือ Opendata สำหรับประชาชนเพื่อมีส่วนร่วมกับนโยบายยุทธศาสตร์ดิจิทัลของประเทศ และทดลองใช้ OpenData ทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

โครงการการมีส่วนร่วมกับของภาคประชาชนของเม็กซิโกชื่อ URBEM เป็นระบบประเมินการให้บริการของหน่วยงานรัฐผ่านระบบ chatbot ประชาชนสามารถส่งข้อมูลผ่าน chatbot เพื่อให้คะแนนความพึงพอใจในการใช้บริการหน่วยงานภาครัฐ และมีเว็บไซต์แสดงผลที่ประชาชนใน feedback หน่วยงานต่าง ๆ



กรณีศึกษาของเยอรมัน

เยอรมัน กิจกรรม Civic Tech ใช้ชื่อว่า Code for Germany ทำกิจกรรมในเมืองต่าง ๆ ทั่วเยอรมัน ที่เยอรมันถือหลักว่า “Innovation without Permission" โดยนำเอา Open Data ที่ออนไลน์อยู่แล้วแต่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้เท่าไหร่มา visualize ให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ

เยอรมันสร้างเครื่องมือการมีส่วนร่วมที่ประกอบด้วยคนในชุมชน และสื่อ มีการสร้างระบบ crowdsource ตัวอย่างเช่นเมืองอุตสาหกรรมอย่าง Stuttgart แก้ปัญหามลพิษ โดยให้กลุ่ม Maker ทำ sensor วัดระดับมลพิษ และให้คนในชุมชนไปติดตามบ้านและส่งข้อมูลออนไลน์เพื่อแสดงระดบัมลพิษในพื้นที่ต่าง ๆ ในเมือง เพื่อหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน




กรณีศึกษาของแอฟริกาใต้

แอฟริกาใต้ใช้ชื่อกลุ่มว่า Open Data Durban มาการพัฒนาระบบเพื่อถามประชาชนว่าอยากเห็นรัฐบาลเคปทาวน์จัดสรรงบประมาณแบบไหน ใน platform Captown Budget Project



Open Data Durban บอกไม่เน้นการทำ Hackathon แต่เน้นการลงไปทำงานกับกลุ่มคน และชุมชน เพื่อนำเอาเรื่องราวต่าง ๆ ของชุมชนในเมืองมานำเสนอปัญหา และร่วมกันหาทางออก

นอกจากนี้ในวงเสวนายังได้คุยเรื่องสิ่งที่ควร หรือ ไม่ควรทำของการสร้าง Civic Tech ดังนี้
  1. ไม่ต้องรอใครอนุญาติ ลงมือทำเลย!
  2. ออกแบบร่วมกับผู้ใช้ (ประชาชน) เอาการแก้ปัญหาเป็นศูนย์กลาง
  3. การร่วมกันทำงานกับรัฐยังมีความสำคัญ พยายามให้กิจกรรมสอดคล้องกับเป้าหมายของภาครัฐด้วย
  4. คิดถึงระบบ Eco System ของ Civic Tech ด้วยว่าอย่างไรจะยั่งยืน



จะเห็นว่า Civic Tech มีบทบาทสำคัญในการสร้าง Open Government อย่างไรก็ตามนวัตกรรม Civic Tech จะประสบความสำเร็จได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปิดรับฟังความเห็น และภาครัฐยินดีที่จะปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งไม่มีการปิดกั้น หรือจำกัดความคิดเห็น หรือกล่าวโทษผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการวิพากษ์วิจารณ์ภาครัฐซึ่งเป็นพื้นฐานขั้นต้นของ Open Government

ไกลก้อง ไวทยการ
Klaikong Vaidhyakarn
Social Technology Institute

ข้อมูล/ภาพ : https://speakerdeck.com/clkao/fork-and-merge-collaboration-in-civic-tech