Open Government Summit 2016 (1)




ใครที่ติดตามเรื่อง Government OpenData มาคงทราบว่า เรื่องนี้เริ่มกันมาพร้อมกับนโยบาย Open Government ของประธานาธิปดีบารัค โอบาม่า ตั้งแต่ปี 2008 เพื่อให้รัฐบาล และ ประชาชน มีช่องทางที่จะเข้าถึงข้อมูล และมีส่วนร่วมกับรัฐบาล ได้กว้างขวางและสร้างการตัดสินเชิงนโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเข้าถึงได้ทุกรูปแบบและเน้นความเป็นดิจิทัล ซึ่งได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะภาคประชาสังคมที่ทำเรื่องนวัตกรรม และเป็นที่สนใจของหลาย ๆ ประเทศ

ต่อมาวันที่ 20 กันยายน 2011 ระหว่างการประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ 8 ประเทศได้แก่ บราซิล อินโดนีเซีย เม็กซิโก นอร์เวย์ ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา ลงนามข้อตกลงร่วมกันจัดตั้ง Open Government Partnership (OGP) เพื่อขยายแนวคิดเรื่องรัฐบาลที่เปิดเผย โปร่งใส และให้ประชาชนมีส่วนร่วม และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อขยายการทำงานระหว่างรัฐกับประชาชน

หลักการสำคัญของ Open Government Partnership

  1. สร้างการมีส่วนร่วมแบบพหุภาคี
  • การเป็นภาคีที่เท่าเทียมกันระหว่างรัฐ และ ภาคประชาสังคม
  • มีความเป็นอิสระในการดำเนินการ
  • มีกระบวนการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ระหว่างกัน

  1. เน้นปฏิบัติการ
  • รัฐบาล และ ภาคประชาสังคมร่วมกันสร้างสรรค์การทำงาน (co-creation action)
  • ยึดมั่นการดำเนินการตามข้อตกลงที่ทำร่วมกัน
  • ภาครัฐต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อตกลง Open Goverment ที่ทำแผนร่วมกับภาคประชาสังคม

  1. มีความยืดหยุ่นแต่มุ่งมั่นให้ถึงเป้าหมาย
  • แต่ละประเทศเริ่มต้นทำ Open Government ในประเด็นที่ต่างกันได้
  • ทำงานกลับกลุ่มที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่กลุ่มที่เป็นผู้ริเริ่มงาน
  • เป็นกระบวนการแบบล่างขึ้นบน (bottom up)

ประเทศที่ต้องการร่วม Open Govermnet Partnership ต้องมีคุณสมบัติข้างต้นดังนี้

  • รัฐต้องความโปร่งใสด้านการจัดทำงบประมาณ เช่นการเปิดผยตัวเลขงบประมาณประจำปี และการใช้งานงบประมาณในโครงการต่าง ๆ ตามแนว Open Budget Index
  • ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ หรือรัฐเปิดเผยข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ
  • มีการเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐ
  • มีช่องทางและกระบวนการมีส่วนของภาคประชาชน ตามแนวทางของ Democrecy Index

กระบวนการการเข้าร่วม Open Government Partnership

  1. ยื่นความจำนงเข้าร่วมกับคณะทำงานขับเคลื่อน Open Government Partnership
  2. ทำแผนปฏิบัติการที่สำคัญคือแผน Open Data ระดับชาติ
  3. ดำเนินการตามแผนโดยขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างภาคประชาชน และผู้มีอำนาจในรัฐบาล
  4. ติดตามและประเมินผลการทำงาน
  5. เสนอแผนรอบใหม่ทุก 3 ปี



ขณะนี้ Open Government Partnership มีประเทศเข้าร่วมแล้วกว่า 70 ประเทศ ทุกประเทศต้องส่ง action plan ของการทำงานร่วมกันเชิงนโบาย ระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม เริ่มจากเรื่องการเปิดเผยข้อมูล #Opendata ซึ่งควรจะมีเรื่องพื้นฐาน เช่น เรื่องงบประมาณ รวมถึงเรื่องนโยบายในเรื่องสิทธิการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารของราชการ ช่องทางการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน หลายประเทศที่เข้าร่วม #OGP เริ่มทำระบบงบประมาณแบบ bottom up ให้ประชาชนโหวดมีส่วนร่วมเช่น โหวด เห็นด้วยกับแผนงบประมาณของรัฐ เป็นต้น

ประเทศไทยเกี่ยวข้องกับ OGP อย่างไร

รัฐบาลปัจจุบันเน้นเรื่องการสร้างความโปร่งใส และต้องการสร้างกลไกเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในภาครัฐ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ครม.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ให้กระทรวงการคลังดำเนินการสมัครเข้าร่วม เป็นภาคีสมาชิกความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Government Partnership : OGP) ของประเทศไทย (http://www.cabinet.soc.go.th/soc/Program2-3.jsp?top_serl=99316924) ดังนั้นระหว่างนี้คือการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อจัดทำเผยปฏิบัติการทั้งเรื่องการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) และความร่วมมือ กับช่องทางการมีส่วนร่วม ระหว่างภาครัฐ กับภาคประชาสังคม

ในวันที่ 7-9 ธันวาคม 2016 นี้ มีการประชุมที่เรียกว่า Open Government Summit 2016 ที่กรุงปารีส ซึ่งเป็นการพูดคุยในหลากหลายประเด็นเช่น ความก้าวหน้าของการดำเนินงานเรื่อง OGP วิธีการที่จะทำให้ประชาชนมีพื้นที่การมีส่วนร่วมมากขึ้น การสร้าง impact จาก OpenData การสร้างนวัตกรรม หรือเครื่องมือ และการใช้เทคโนโลยี เพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชนเชิงนโยบาย การใช้งบประมาณภาครัฐ มีการ Hackathon เพื่อทำ OGP Toolbox โดย Social Tech จะติดตามมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป หรือใครสนใจมี live stream ของทาง #OGP16 ที่ https://en.ogpsummit.org

ไกลก้อง ไวทยการ
Klaikong Vaidhyakarn
Social Technology Institute